ซื้อช็อกโกแลตสิงคโปร์ รูป Merlion ด้วยนะคะ ขนมที่นี่ถูกมากๆ เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝาก แถมช้อปปิ้งเสร็จก็สามารถทำ VAT refund คืนได้อีกด้วย เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง การเดินทาง: รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วง ลงสถานี Farrer Park ทางออก H 6. ANTOINETTE Cr. antoinette ANTOINETTE ร้านช็อกโกแลตสิงคโปร์ แสนหรูหรา ไม่เพียงแค่การตกแต่งร้านแบบมินิมอลที่ดึงดูดให้เราเข้าไป แต่คาเฟ่ช็อกโกแลตแห่งนี้มีบริการช็อกโกแลตคุณภาพดีเยี่ยม รสชาติละมุน รอให้คุณได้ลิ้มลอง ใครที่ชอบ Milk Chocolate ต้องลอง Anotinette chocolate ส่วนใครที่เป็น สายดาร์ก ต้องสั่ง Royale chocolate สัมผัสรสชาติช็อกโกแลตให้เข้มข้นมากกว่าที่เคย เวลาเปิด - ปิด: สาขาถนน Orchard ทุกวัน 11. 00 - 22. การเดินทาง: รถไฟฟ้าใต้ดิน ใกล้กับสถานี Somerset 7. AWFULLY CHOCOLATE Cr. Facebook: awfullychocolate แบรนด์ช็อกโกแลตแสนอร่อยที่มีลักษณะเฉพาะตัว กับ AWFULLY CHOCOLATE ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตว่าเป็นอย่างไร บรรจุในแพ็กเกจเรียบแต่หรูหรา ทั้งแบบ Bar, Truffles, Baton เชื่อว่าสาวก Chocolate Lovers ทุกคนจะต้องโดนใจกับแบรนด์ AWFULLY CHOCOLATE อย่างแน่นอน เวลาเปิด - ปิด: ทุกวัน 10.
(18. 30 น.
ไม่ใช่แค่ถูกแต่การก่อสร้างต้องมีคุณภาพ อีกปัญหาหนึ่งที่ประเทศอื่นต้องเจอคือตัวแฟลตการเคหะถูกสร้างมาแบบไร้คุณภาพ เพราะผู้รับเหมาพยายามจะกดต้นทุนให้ต่ำที่สุด การเคหะสิงคโปร์จึงออกแบบระบบ "ดาวเกียรติยศ" แก่ ผู้รับเหมาที่ทำผลงานออกมาได้ดี โดยมีระดับสูงสุดคือ 5 ดาว จนกระทั่งถึงปี 2525 ผู้รับเหมารายใดที่มีทุนจดทะเบียนชำระเต็มอย่างน้อย 500, 000 ดอลลาร์สิงคโปร์และได้รับดาวเกียรติยศ 5 ดาว จะได้การันตีงานจากการเคหะตลอดปี ระยะเวลาตามตกลงในสัญญา 7. รัฐเป็นเจ้าของที่ดิน ท่าเรือสิงคโปร์ ระบบของการเคหะสิงคโปร์น่าสนใจมาก แต่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่โมเดลที่ทุกประเทศจะถอดสูตรไปใช้กันได้ง่ายๆ เพราะเมื่อย้อนกลับไปที่เรื่อง "ที่ดิน" สำหรับนำมาพัฒนาแฟลตราคาถูก สิงคโปร์สามารถทำได้เพราะในปี 2510 มีการออก พ. ร. บ. เข้าซื้อที่ดิน โดยรัฐสามาถ ขอซื้อที่ดินในราคาต่ำได้เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์สาธารณะ จนถึงปัจจุบัน 90% ของที่ดินสิงคโปร์มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ เทียบกับปี 2508 ก่อนที่จะมีกฎหมายนี้ รัฐบาลเป็นเจ้าของที่ดินเพียง 49% แม้ว่าโมเดลการเคหะ "สร้างบ้านให้กับทุกคน" ของสิงคโปร์จะลอกเลียนแบบยาก แต่บางสิ่งบางอย่างอาจนำมาปรับใช้ได้ เมื่อประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ดินและอสังหาฯ มีราคาแพงขึ้นจนเมื่อปีก่อน ราคาอสังหาฯ กรุงเทพฯ ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 33 ของโลกแล้ว ด้วยราคาเฉลี่ยแตะ 3.
พริกแกงสิงคโปร์ Laxsa Paste ของฝากสำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านกันบ้างค่ะ กับเครื่องปรุงสำหรับทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวแบบดั้งเดิมของชาวเปอรานากัน หรือ พริกแกงสิงคโปร์ เป็นวัฒนธรรมการทำอาหารที่ผสมผสานกันระหว่างอาหารจีนและอาหารมลายู จนกลายเป็นลักซา เมนูอาหารประจำชาติสิงคโปร์ที่ประกอบไปด้วย เส้น ลูกชิ้นปลา กุ้ง หอยแครง และถั่วงอก เสิร์ฟในน้ำต้มยำกะทิที่มีรสชาติหวานละมุนและเผ็ดร้อน โดยเราสามารถซื้อหา Laksa Paste ได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป หรือหากไม่มีเวลาก็สามารถไปซื้อได้ในสนามบินชางงี 7. ผงปรุงรส บักกุ๊ดเต๋ ร้าน Song Fa บักกุ๊ดเต๋(Buk Kut Teh)เป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อที่ใครมาสิงคโปร์ก็ต้องลองซึ่งมีร้าน Song Fa เป็นหนึ่งในร้านแนะนำที่มีรสชาติน้ำซุปที่เข้มข้นจนติดใจใครหลายๆคน จนล่าสุดทางร้านได้ออกผลิตภัณท์เป็นผงปรุงรสที่สามารถเอากลับไปทำน้ำซุปกินต่อเองที่บ้านได้ด้วย ใครที่ไปกินแล้วติดใจก็แนะนำให้ซื้อกลับไทยมาฝากหรือทำกินเองเลยก็ได้ ร้าน Song Fa หลายสาขาทั่วสิงคโปร์และมาเลเซีย 8. Irvins Salted Egg (หนังปลาไข่เค็ม) หนังปลาไข่เค็มเออร์วินส์ (Irvins Salted Egg) เป็นของทานเล่นที่กำลังมาแรงจริงๆ เนื่องจากคนสิงคโปร์ฮิตทานไข่เค็มกัน จึงเกิดอาหารและของทานเล่นจากไข่เค็มมากมายรวมถึงหนังปลาไข่เค็มเออร์วินส์ ซึ่งหนังปลาไข่เค็มนี้แปลกใหม่และอร่อยสุดๆ หนังปลาแซลมอนกรอบกับซอสไข่เค็มนั้นเข้ากันสุดๆ ทานแล้วหยุดไม่ได้เลย หากใครไปสิงคโปร์ต้องซื้อกลับมาฝาก ร้านเออร์วินส์นั้นนอกจากจะมีของเด็ดคือหนังปลาไข่เค็มแล้ว ยังมีสินค้าน่าสนใจอื่นๆ เช่น มันฝรั่งทอดคลุกกับซอสไข่เค็ม และมันสำปะหลังทอดคลุกกับซอสไข่เค็มอีกด้วย ห้าง Vivo City, ห้าง Orchard Gateway, Changi Airport 9.
ผู้มีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 9, 000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน (ประมาณ 205, 000 บาท) จะได้เงินช่วยซื้อบ้านสูงสุด 80, 000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1. 82 ล้านบาท) 2. ผู้มีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 14, 000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน (ประมาณ 319, 000 บาท) จะได้เงินช่วยซื้อบ้านสูงสุด 50, 000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1. 14 ล้านบาท) แต่มีข้อแม้คือต้องซื้อบ้านแบบรีเซลขายต่อเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่มีรายได้มากกว่านี้ก็จะมีโปรแกรมให้เงินช่วยเหลือเพิ่มในบางกรณี เช่น ซื้อบ้านเพื่ออาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซื้อบ้านเพื่ออยู่ใกล้กับพ่อแม่หรือลูกๆ 3. ให้คนที่จำเป็นได้ซื้อก่อน แม้ว่าการเคหะจะพยายามจัดสร้างบ้านใหม่ให้ทันกับความต้องการ แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองดีมานด์ได้ทันที ดังนั้น จึงต้องมี การจับสลาก โดยส่วนใหญ่จะต้อง รอต่อคิวประมาณ 2-3 ปีก็จะได้บ้าน แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่จะมีสิทธิมากกว่าในการได้ซื้อบ้านการเคหะ เพราะถือว่าเป็น "ผู้มีความจำเป็น" ดังนี้ 1. คู่แต่งงานซื้อบ้านครั้งแรก 2. คู่แต่งงานและมีลูกที่ซื้อบ้านครั้งแรก 3. ครอบครัวที่มีลูก 3 คนขึ้นไป 4. พ่อแม่วัยชราที่ต้องการอยู่อาศัยใกล้ลูกๆ ที่แต่งงานแยกครัวเรือนไปแล้ว 5.