พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ประวัติพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, ประวัติ พ่อท่านคล้าย วัดพระธาตุน้อย พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน วัดพระธาตุน้อย พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า " พ่อท่านคล้าย " ประวัติพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองคอน วัตถุมงคลพ่อท่านคล้าย พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า " พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" นามตามสมณศักดิ์ท่านคือ พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อท่านคล้าย นามเดิมว่า "คล้าย สีนิล" เกิดตรงกับ วันที่27ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด จ. ศ. 1238 ร.
๒๔๙๐ ต่อมา พ. ๒๕๐๐ ทายาทอึ่งค่ายท่าย ถวายที่ดิน และวัดที่สำคัญที่สุดคือวัดพระธาตุน้อย หรือคนทั่วไปเรียกว่า วัดพ่อท่านคล้าย พ่อท่านคล้าย สร้างวัดพระธาตุน้อยและเจดีย์ ปี พ.
ยินดีต้อนรับสู่ เว็บไซต์พระเครื่องที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ระบบค้นพบว่าคุณพึ่งเคยเข้า เป็นครั้งแรก ข้อควรรู้เกี่ยวกับ คุณสามารถ: เปิดร้านค้าของคุณเอง ฟรี ตั้งประมูล ฟรี ร่วมประมูล ฟรี เว็บบอร์ด พูดคุยกับเพื่อนฝูงในวงการพระเครื่อง ฟรี ระบบซื้อขายอย่างปลอดภัย ฟรี เผยแพร่ หรือ อ่านบทความพระเครื่อง ฟรี ระบบทำเนียบพระเครื่อง มีปัญหาข้อสงสัยติดต่อ หมายเหตุ: คุณควรบันทึกรายการโปรดไว้ เพื่อเข้ามาใช้บริการในภายหลัง
2445 ได้กลับมาจำพรรษาวัดหาดสูง ใกล้ตลาดทานพอ ในสำนักพ่อท่านกราย เพื่อศึกษาวิปัสสนาและไสยศาสตร์ พ. 2448 เป็นเจ้าอาวาสวัดสวนขัน จนถึงวันมรณภาพ ได้รับพระราชสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่ พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เมื่อ พ. 2498 ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นพิเศษในสมณศักดิ์เดิม เมื่อ พ.
2441 พ่อท่านคล้าย ได้เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เรียนมูลกัจจายนะ ในสำนักพระครูกาแก้ว (ศรี) ณ วัดหน้าพระธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จบหลักสูตรมูล พอแปลบาลีได้ ศึกษาอยู่เป็นเวลา 2 พรรษา ปี พ. 2443 ต่อมาได้ศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฎฐานที่สำนักวัดสามพัน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีอาจารย์หนูเจ้าอาวาสเป็นผู้สอน ปี พ. 2445 พ่อท่านคล้าย ได้กลับมาอยู่จำพรรษาวัดหาดสูง ใกล้ตลาดทานพอ ในสำนักพระครูกราย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพ่อท่าน เพื่อศึกษาวิปัสสนาและไสยศาสตร์ โดยเหตุที่พระครูกราย เป็นอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาและทรงวิชาคุณทางไสยศาสตร์ในสมัยนั้น ปี พ. 2447 พ่อท่านคล้าย ได้ไปจำพรรษาที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาเพื่อศึกษาภาลีและอภิธรรมเพิ่มเติม ปีพ. 2448 พ่อท่านกลับจากวัดมะขามเฒ่า มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งปอน (จันดี) ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษา ณ ที่ใดก็ตาม ท่านได้ศึกษาค้นคว้าภาษา บาลี วิชาโหราศาสตร์ และเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ติดต่อกันมาโดยมิได้ประมาท ด้านการก่อสร้างก็ได้สร้างใว้ตามวัดต่างๆพอสมควร พ่อท่านคล้าย เป็นเจ้าอาวาสวัดสวนขัน ในปี พ.
เมือง จ. นครนายก เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคม สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง แต่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงคือเหรียญรุ่นแรก ปีพ. 2480 ลักษณะเป็นเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเนื้อทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปลักษณะคล้ายคนนั่งสมาธิล้อมรอบด้วยยันต์อักขระโบราณ ด้านหลังเหรียญไม่มีขอบเหรียญ ตรงกลางเป็นยันต์ประจำตัว เป็นวัตถุมงคลอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจ "พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ" เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น ต. เกิ้ง อ. มหาสารคาม จัดสร้าง "พระกริ่งไม้พะยูง รุ่นมหาลาภ" เพื่อนำรายได้สมทบทุนก่อสร้างอุโบสถไม้เสาไม้ซุง 32 ต้น ซึ่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พระกริ่งไม้พะยูง รุ่นมหาลาภ ถือเป็นไม้มงคล องค์พระมีความสูงเฉลี่ย 4 เซนติเมตร จัดสร้างเป็น 1. พระกริ่งแกะจากไม้พะยูง ก้นอุดผงและเกศา จีวรพระอาจารย์สุริยันต์ปิดแผ่นทองคำเรียบ สร้าง 29 องค์ 2. พระกริ่งแกะจากไม้พะยูง ก้นอุดผงและเกศา จีวรพระอาจารย์สุริยันต์ปิดแผ่นเงินเรียบ สร้าง 109 องค์ 3. พระกริ่งแกะจากไม้พะยูง ก้นอุดผงและเกศา จีวรพระอาจารย์สุริยันต์ สร้าง 999 องค์ และ 4. พระกริ่งแกะจากไม้พะยูง ก้นอุดผงและเกศา จีวรพระอาจารย์สุริยันต์ปิดแผ่นชนวน สร้าง 19 องค์ แจกคณะกรรมการ และพระ ทุกองค์ตอกโค้ดหมายเลขกำกับที่ใต้ฐาน เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่ทรงคุณค่ายิ่งควรแก่การเช่าบูชา "พระครูเขมสารสุธี" หรือ "หลวงปู่สาย เขมธัมโม" เจ้าอาวาสวัดป่าพรหมวิหาร บ้านภูศรีทอง ต.
กระบี่ ขาเป็นหนองเลยต้องตัดทิ้ง โดยท่านใช้มีดปาดตาลตัดเอง) ท่านเลยต้องใส่กระบอกไม้ไผ่แทน พ่อท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ. ๒๔๓๘ (อายุ ๑๙ ปี) บรรพชาที่วัดจันดี ต. หลักช้าง บรรพชาโดยอาจารย์ พระอธิการจันเจ้าอาวาสวัดจันดี (ทุ่งปอน) และพ่อท่านสามารถท่อง พระปาฏิโมกข์จนได้แม่นยำ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุทกุกเขปสีมา หรือศาลาน้ำ ได้รับฉายาว่า จนฺทสุวณฺโณ โดยมีพระครูกราย คงคสุวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดหาดสูง เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วได้ไปจำพรรษา อยู่ที่วัดทุ่งปอน หรือวัดจันดี ๒.