ประเภทของวอดก้า ในปัจจุบันนี้วอดก้ามีแหล่งผลิตมาจากหลายๆประเทศ ซึ่งในแต่ละประเทศจะผลิตออกมาให้สอดคล้องกับความนิยมของมนุษย์เรา เราสามารถแบ่งแยกวอดก้าออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ โดยใช้กลิ่นและรสเป็นเกณฑ์ได้ ดังนี้ Neutral Vodka, Clear Vodka เป็นวอดก้าที่บริสุทธิ์ นั้นคือ หลังจากเสร็จสิ้นในกระบวนการผลิตแล้วจะไม่มีการแต่งกลิ่นและรสเพิ่มเติม อย่างเช่น Tigre Blanc, SKYY Vodka, Russian Flavored Vodka เป็นวอดก้าที่ผลิตตามกระบวนการปกติแล้วจะมีการเติมกลิ่นและรสไปในตอนหลัง อย่างเช่น Smirnoff, Grey Goose 3. กระบวนการผลิตวอดก้าเป็นอย่างไร มารู้กัน ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่าวอดก้าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไร้กลิ่น และรส ดังนั้นเรามาดูกันว่า วอดก้านั้นผลิตมาจากอะไร และมีขั้นตอนกระบวนการผลิตอย่างไร เหตุไฉนมันจึงกลายเป็นแอลกอฮอล์ที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และไร้รสชาติเช่นนี้ไปได้ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งดีกรีความแรงของแอลกอฮอล์ที่สูง เอาล่ะคราวนี้เราไปดูกระบวนการขั้นตอนการผลิตวอดก้ากันเลยดีกว่า 1. เริ่มจากการนำวัตถุดิบคือ เมล็ดข้าวหรือมันฝรั่ง มาหมัก ซึ่งข้าวที่ใช้ในการผลิต วอดก้า นั้นจะเป็นข้าวสาลีทั้งนี้ก็เพราะมันจะได้สรชาติที่ดีกว่าข้าวชนิดอื่นๆนั่นเอง 2.
9 ชนิดเหล้าที่สายเมาควรรู้!! สายเมาเชิญทางนี้จ้าาา.. ใครเป็นคอเหล้า นักดริ้งค์ต้องอ่าน! ไม่เพียงแค่จะดื่มไปวันๆ เท่านั้นนะจ๊ะ ถ้าอยากจะเป็นสายเมาตัวจริงต้องรอบรู้เรื่องเหล้าด้วย เดี๋ยวจะโม้กับเพื่อนไม่ถูก วันนี้เราจึงอาสาพาทุกคนไปรู้จักกับเหล้าชนิดต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันถึง 9 อย่าง แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย... 1. วิสกี้ (whiskey) เป็นสุรากลั่นที่ทำจากข้าว นำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อให้ได้กลิ่น สี และรสชาติที่ดีขึ้น ก่อนจะนำมาบรรจุใส่ขวด 2. วอดก้า (Vodka) เป็นเหล้าสีขาว มีต้นกำเนิดมาจากรัสเซียและโปแลนด์ ในสมัยก่อนนิยมใช้ข้าวหรือมันฝรั่ง กลั่นให้มีดีกรีสูงๆ เพื่อให้มีกลิ่นน้อยที่สุด ซึ่งวอดก้าจะไม่มีการเก็บบ่มใดๆ ทั้งสิ้น 3. จิน (gin) จินหรือยิน เป็นเหล้าสีขาวจากการกลั่นของการหมักของกากน้ำตาล เมล็ดธัญญพืช ข้าว ผสมกลิ่นรสชาติสมุนไพร และจูนิเปอร์ มักมีกลิ่นหอมผลจูนิเปอร์จากการกลั่นไอน้ำเพราะจะผ่านผลไม้ชนิดนี้ในหม้อกลั่น มีต้นกำเนิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันผลิตกันในหลายประเทศ ซึ่งกลิ่นและรสชาติก็แตกต่างกันไป 4. บรั่นดี (brandy) บรั่นดี เป็นเหล้าที่ได้จากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์ แล้วนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปบ่มให้ได้สี กลิ่น รสชาติที่ดี แล้วจึงนำออกขาย เรียกได้ว่าเป็นเหล้าอีกหนึ่งชนิดที่นิยมกันมาก 5.
ศ. 250-300 6.
1 เป็นต้น 2 บิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่มีรสขม นิยมดื่มแก้โรคกระเพาะ และช่วยย่อยอาหาร บางชนิดขมมาก แต่บางชนิดก็ขมอมหวานเช่น Campari, Fernet, Branca, Angostura Bitter 3 อนิซ (Anis) เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำมาจากเมล็ดของ Anis มีกลิ่นหอมเย็นๆ นิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pernod, Ricard, Pastis เหล้าแอพเพอริทิฟ นอกจากจะนิยมนำมาดื่มเพื่อเป็นยาแล้ว ยังนิยมนำไปทำเครื่องดื่มผสมอื่นๆอีกมากมาย ไวน์ (Wine) ไวน์ หรือที่เรียกว่า เหล้าองุ่น เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ครับ 1.
รัม (Rum) รัม เป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล ผลิตมากตามหมู่เกาะฝั่งทะเลคาริเบียน ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก แต่ก็มีผลิตจำหน่ายกันหลายประเทศเช่น Puertorico, Jamaica, Demeraran, Barbados เป็นต้น รัมแยกตามความนิยมเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ 1. รัมขาว (White Rum) เป็นรัมที่มีสีใส บางชนิดไม่ต้องเก็บบ่ม แต่บางชนิดต้องเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น บางครั้งเรียกว่า Silver Rum เหมาะสำหรับนำไปผสมค็อกเทลที่ไม่ต้องการให้สีเปลี่ยน 2. รัมทอง (Gold Rum) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล เป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้ารัม ที่มีกลิ่น สี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม 3. รัมดำ (Dark Rum) เป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมลที่เคี่ยวจนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น เหล้ารัมนิยมนำไปทำค็อกเทลมาก ที่รู้จักกันมากคือ Rum Coke หรือ Cuba Libre, Mai Tai นอกจากนี้ ยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ ที่เรียกว่า Punch เหล้ารัมที่มีจำหน่ายจะมีดีกรีราว 40 ดีกรี แต่มีบางชนิดผลิตให้มีดีกรีสูงมากถึง 75.
เฮนรี่ เดอะ โฟร์ธ ดูด็อกโนน เฮอริเทจ ตอนยัค แกรนด์ แชมเปญ เฮนรี่ เดอะ โฟร์ธ ดูด็อกโนน เฮอริเทจ ตอนยัค แกรนด์ แชมเปญ (Henri IV Dudognon Heritage Cognac Grande Champagne) ราคา 1, 900, 000 เหรียญสหรัฐ หรือ ราวๆ 62. 700, 000 บาท ขวดที่ใช้บรรจุเหล้ามีอายุ 100 ปี และ ทำมาจากทอง 24 กะรัต และ เงิน นอกจากนี้ ขวดเหล้ายังประดับด้วยเพชรกว่า 7, 000 เม็ด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เหล้าขวดนี้มีราคาสูง 4. ดีว่า วอดก้า ดีว่า วอดก้า (Dive vodka) ราคา 1, 000, 000 เหรียญสหรัฐ หรือ ราวๆ 33, 000, 000 บาท สาเหตุที่ ดีว่า วอดก้า มีราคาสูง เนื่องจากขวดที่บรรจุ ซึ่งประกอบด้วยอัญมณีมากมายข้างในใจกลางขวด ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้จากภายนอก มันประกอบด้วย เพรชรัสเซีย โทปาซ อเมทิสต์ ซิทริน ทัวร์มาลีน และเพอริดอท 5. Jack Daniels Jack Daniels เป็นเหล้าที่คนนิยมมากที่สุดยี่ห้อนึงในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว แบรนด์นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1875 แต่มาฮอตติดตลาดขึ้นจริงๆ ในช่วงปี 90 จุดเด่นอยู่ที่รสชาติที่นุ่มคอและกลิ่นที่รัญจวนชวนให้ดื่ม ถือว่าไม่ควรผลาด 6. Hennessy Hennessy คือเหล้าคอนญัก จากฝรั่งเศษ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีความคลาสสิคสูง บ่งบอกได้ถึงรสนิยมของผู้ดื่ม มีรุ่นที่โด่งดังเช่น Hennessy X. O.
ขั้นตอนในการกลั่นเหล้า vodka นั้นจะกลั่นกันมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ทั้งนี้การกลั่นในจำนวนหลายๆ ครั้งนั้นจะมีส่วนช่วยทำให้ได้แอลกอฮอล์ที่บริสุทธิ์มากขึ้นนั่นเอง และการที่แอลกอฮอล์มีความบริสุทธิ์มากๆ นั้นก็จะมีช่วยที่จะทำให้เวลาเราดื่มเข้าไปแล้วจะไม่ทำให้เกิดอาการเมาค้างเหมือนกับเหล้าทั่วๆ ไป นอกจากนี้รสชาติที่ได้นั้นยังจะมีความนุ่มนวลอีกด้วย 3. เมื่อได้แอลกอฮอล์ที่บริสุทธิ์ก็จะนำมากรองต่อ โดยขั้นตอนในการกรองนั้นก็สำคัญมากๆ เช่นกัน ฉะนั้นเครื่องมือที่ใช้ในการกรองนั้นจึงต้องมีคุณภาพมากๆ ซึ่งโดยจะมีการกรองโดยการผ่านถ่านชั้นดีและผ่านทรายเพื่อกำจัดกลิ่นให้เหลือน้อยลง นอกจากนี้ยังเป็นการดูดเอาสิ่งแปลกปลอมที่เจือปนอยู่ให้ออกไปด้วย 4. เป็นขั้นตอนกระบวนการทำให้มันเจือจาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้แอลกอฮอล์ในระดับดีกรีที่เราต้องการ ซึ่งกระบวนการนี้เราอาจจะมีการเติมกลิ่นต่างๆ เข้าไปด้วยเพื่อให้มันชวนลิ้มลองมากขึ้น อย่างเช่น กลิ่นเลมอน กลิ่นสตอเบอรี่ หรือกลิ่นแอปเปิ้ล เป็นต้น ทั้งที่ วอดก้า จริงๆ แล้วจะไร้รสชาติ ไร้กลิ่น และไม่มีสี 5. ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการนำเอาวอดก้าที่ได้มาบรรจุใส่ในขวดหรือว่าภาชนะที่ไม่มีสนิม ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้รสชาติของ วอดก้า นั้นเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง