-2565 ตัวเลขในผลตรวจสุขภาพ.. บอกอะไรบ้าง หลายครั้งที่ไปตรวจสุขภาพ เรามักจะพบกับคำศัพท์ที่ยากจะเข้าใจ ตัวย่อของการตรวจวัดค่าต่างๆในร่างกายรวมถึงตัวเลข 13-เม. -2565
จึงคือ 3 * 3 = 9 และ ค. คือ ตัวเลขที่อยู่ด้านนอกทั้งหมดคูณกัน (เพราะ วิธีตั้งหาร คือ การแยกตัวประกอบ) นั่นคือ 3 * 3 * 2 * 5 = 90 หรือกล่าวได้ว่า ค. เท่ากับ ห. คูณด้วยตัวที่เหลือนั่นเอง ดังเช่น 9 * 2 * 5 = 90 สรุป Concept ห. ได้ดังนี้ ตัวอย่างที่ยกมา คือ 18 และ 45 (ห. ) เราพบว่า 18 หารด้วย 9 (คือ ห. ) ได้ลงตัว และ 45 หารด้วย 9 ได้ลงตัว (ค. ) เราพบว่า 90 (คือ ค. ) หารด้วย 18 ได้ลงตัว และ 90 หารด้วย 45 ได้ลงตัว ข้อสังเกต (สำคัญ) 1. สำหรับเลข 2 จำนวนใดๆ เราพบว่า หากนำห. คูณกับ ค. จะเท่ากับผลคูณของเลขสองจำนวนนั้นนั่นเอง (ห. คูณ ค. มีค่าเท่ากับผลคูณของจำนวนทั้งสอง) เช่น 18 * 45 = 9 * 90 a * b = gcd * lcm เพราะ (2*3*3) * (3*3*5) = (3*3) * (3*3*2*5) <==> สังเกต เมื่อนำเลขแต่ละตัวมาแยกตัวประกอบ จะได้ผลลัพธ์เหมือนกัน คือ มีเลข 2 อยู่ 1 ตัว, เลข 3 อยู่ 4 ตัว และ เลข 5 อยู่ 1 ตัว 2. เรื่องเศษส่ว น สำหรับการทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำ (มีค่าตัวเลขต่ำสุด) เราทำได้โดยนำ ห. ของทั้งเศษและส่วน มาตัดทอน (หาร) ให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำได้ เช่น 12/16 เราพบว่า ห. ของ 12 และ 16 คือ 4 ดังนั้นเศษส่วนอย่างต่ำของ 12/16 คือ 3/4 3.
มาใช้มีดังนี้ ห. นำไปใช้ในการ 1. หาเศษส่วนอย่างต่ำ เช่น หาเศษส่วนอย่างต่ำของ วิธีทำคือ หา ห. ของ 9 และ 27 คือ 9 ดังนั้น เศษส่วนอย่างต่ำ คือ (เอา 9 หารทั้งเศษและส่วน) 2. การแบ่งของให้เท่าๆกันให้ได้มากที่สุด เช่น นักเรียน 3 ห้อง ห้องละ 30, 24, และ 42 คน แบ่งกลุ่มมากที่สุดให้ได้เท่ากัน จะแบ่งได้กลุ่มละกี่คน หา ห. ของ 30, 24, 42 ได้ 6 ดังนั้น แบ่งกลุ่มได้กลุ่มละ 6 คน 3. การหาจำนวนนับที่มากที่สุดแล้วเหลือเศษ xx เช่น หาจำนวนนับที่มากที่สุดที่หาร 33 แล้วเหลือเศษ 3 และ หาร 50 แล้วเหลือเศษ 2 ขั้นแรกหาจำนวนที่ต้องนำมาหา ห. คือ 33 – 3 = 30 และ 50 – 2 = 48 หา ห. ของ 30 และ 48 ได้ 6 ดังนั้น จำนวนนับที่มากที่สุดที่หาร 33 แล้วเหลือเศษ 3 และ หาร 50 แล้วเหลือเศษ 2 คือ 6 ค. คำนวณเศษส่วนที่มีส่วนไม่เท่ากัน เช่น วิธีทำคือ ทำให้ส่วนเท่ากันก่อนถึงบวกกันได้ ดังนั้น เราจึงต้องหา ค. ของ 4 และ 5 ได้ 20 ดังนั้น 2. คำนวณหาเวลาที่มีการเริ่มพร้อมกัน แต่ใช้เวลาทำไม่เท่ากัน และหาว่าจะทำพร้อมกันอีกครั้งเมื่อไหร่ เช่น เช่น ม้าหมุน 3 อัน อันแรกหมุนครบรอบใช้เวลา 6 นาที อันที่สองใช้เวลา 9 นาที อันที่สามใช้เวลา 12 นาที เริ่มหมุนพร้อมกัน แต่ละอันจะหมุนกี่รอบเพื่อให้จุดเริ่มต้น เริ่มใหม่พร้อมกันอีกครั้ง เริ่มแรกเราก็ต้องหาจุดร่วมว่า ม้าหมุนจะหมุนมาครบรอบพร้อมกันจะใช้เวลากี่นาที โดยหา ค.
ของ 6, 9 และ 18 วิธีที่ 2 แยกตัวประกอบ [ แก้] เช่น เราต้องการหา ค. น ของ 18 24 210 ให้กระจายตัวประกอบออกมา 18 = 2x3x3 24 = 2x3x2x2 210 = 2x3x5x7 จากข้างบน ทั้ง 3 บรรทัด มี 2 เหมือนกัน อยู่ 1 ตัว (ลองเขียนในกระดาษแล้ววาดวงกลมล้อมคอลัมน์แรก (แถวแรกในแนวตั้ง)) และก็มี 3 เหมือนกัน อยู่อีก 1 ตัว (คอลัมน์ที่ 2) หยิบมาคูณกัน 2x3 = 6 นำตัวเลขที่เหลือ (ที่ไม่ได้วงกลม ในกรณีที่วาดในกระดาษตามที่แนะนำ) มาคูณต่อ ได้คำตอบของ ค. น 6 (จากขั้นตอนที่แล้ว) x3x2x2x5x7 = 2520 การหา ค.
5 6 52. 5 จะเห็นว่าหารไม่ลงตัว เพราะหารได้ผลติดทศนิยม เปลี่ยนเลขเป็นจำนวนเฉพาะถัดไป ได้แก่ 3 3 4 35 ถึงตรงนี้ เราจะไม่สามารถหาจำนวนเฉพาะใดๆเพื่อมาหารได้อีกต่อไป เราจึงนำเอาเลขที่หารที้งหมดมาคูณกันแล้วคูณกับผลหารที่เหลืออยู่ ได้คำตอบ อธิบายซ้ำ: เราสามารถเขียนภาพรวมได้ดังนี้ -------------- 3) 9 12 105 2x3x3x4x35 = 2520 นอกจาก 2 วิธีที่แนะนำไปแล้ว ยังสามารถทำวิธีอื่นๆ อย่างเช่น ลองไล่สูตรคูณของกลุ่มตัวเลขที่เราต้องการหา แล้วหยิบตัวเลขที่น้อยที่สุดที่มีเหมือนกันในผลสูตรคูณของตัวเลขทั้งหมดนั้น เช่นหา ค. ของ 12 และ 16 โดยเลือกจากจำนวนที่มี 12 และ 16 เป็นตัวประกอบ จำนวนนับที่มี 12 เป็นตัวประกอบ ได้แก่ (12*1), (12*2), (12*3), … = 12, 24, 36, 48, 60… จำนวนนับที่มี 16 เป็นตัวประกอบ ได้แก่ (16*1), (16*2), (16*3), … = 16, 32, 48, 64, 80… 48 เป็นจำนวนนับที่น้อยที่สุดที่มี 12 และ 16 เป็นตัวประกอบ ดังนั้น ค. ของ 12 และ 16 คือ 48
น. ) คือ จำนวนเลขที่มีค่าน้อยที่สุด ที่สามารถนำเลขชุดนั้นๆไปหารได้ลงตัวทุกจำนวน วิธีการหา ค. น. แยกตัวประกอบของจำนวนที่กำหนด พิจารณาถ้ามีตัวประกอบเฉพาะที่ซ้ำกันในทุกจำนวนให้ดึงลงมาเพียง 1 จำนวน และนำมาคูณกับจำนวนเฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน ผลคูณที่ได้คือ ค. น. จากตัวอย่าง 2 ข้อ จะเห็นว่าจะเลือกนำจำนวนเฉพาะที่ซ้ำกันมาเพียง 1 จำนวน นำมาคูณกับจำนวนเฉพาะที่ไม่ซ้ำกันทุกจำนวน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ค. น. หาเซตผลคูณของจำนวนนับ โดยนำจำนวนที่กำหนดแต่ละตัวคูณกับ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, …. พิจารณาผลคูณที่น้อยที่สุดที่ซ้ำกัน จากตัวอย่าง 2 ข้อ จะเห็นว่าจำนวนที่กำหนดมาจะนำไปคูณกับ 1, 2, 3, 4, 5, ……. เช่น $ 12\times 1=12, \: 12\times 2=24, \: 12\times 3=36, \:12\times 4=48, \:12\times 5=60, \:…… $ $ 20\times 1=20, \: 20\times 2=40, \: 20\times 3=60, \:20\times 4=80, \:…… $ เลือกผลคูณของจำนวนนับที่น้อยที่สุดที่ซ้ำกัน จากตัวอย่างจะเห็นว่า 12, 20 มีตัวเลขที่ซ้ำกันที่น้อยที่สุด คือ 60 นำจำนวนที่กำหนดมาตั้งหารจะได้จำนวนที่ไม่สามารถหารต่อได้ นำตัวหารทั้งหมดและผลลัพธ์มาคูณกัน จากตัวอย่าง 2 ข้อจะนำตัวหารทั้งหมดมาคูณกับผลลัพธ์ (ฟอนต์สีแดงในภาพด้านล่าง) ความสัมพันธ์ระหว่าง ค.
มาตั้งเรียงกัน 2) หาจำนวนเฉพาะที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัว หรือหารลงตัวอย่างน้อย 2 จำนวน จำนวนใดหารไม่ได้ให้ดึงลงมา 3) ให้ทำซ้ำข้อ 2 จนกว่าจะหารอีกไม่ได้ 4) นำตัวหารทั้งหมดและผลลัพธ์สุดท้ายมาคูณกัน ผลคูณคือค่าของ ค. น. วิธีทำ 2) 10 24 30 5) 5 12 15 3) 1 12 3 1 4 1 ค. = 2 x 5 x 3 x 4 = 120 ประโยชน์ของ ค. น. 1. ใช้ในการหาผลบวกและผลลบของเศษส่วน โดยทำส่วนให้เท่ากัน 2. ใช้ในการคำนวณงานบางอย่างที่ใช้เวลาต่างกัน และหาเวลาที่จะทำพร้อมกันในครั้งต่อไป